Education

FUTURE FOOD | Make positive change through education and innovation

เรื่องการเรียนที่จำได้น่าจะมาจริงจังกับเกรดตอนม.1 เทอม 2 แล้วพอสนใจมัน รู้จักมันเท่านั้นแหละ เกรดก็ตกเลย 555 ล้อเล่น! คือตอนแรกไม่รู้หรอกเกรดคือไร ประถมก็ยื่นสมุดพกให้แม่ แล้วก็จบ ไม่เคยอ่าน แต่มารู้ตอนโตแล้ว พอไปสนใจมัน มันทำให้เราเครียดขึ้นจากแต่ก่อนเลย คือมีเรื่องการเรียนเข้ามาให้เป็นอีกเรื่องของชีวิตที่ต้องคิดแทบตลอดเวลาไปเลย แต่มันก็ไม่ได้เครียดถึงแบบซึมเศร้าอะไรงี้นะ ไม่ต้องห่วง

ด้วยความที่เราเกิดมาโชคดีกว่าคนอื่นตรงที่ป๊าม๊าอะไม่เคยขอให้แบบ ต้องเรียนให้ๆด้ใกล้ที่ 1 ที่สุด โตมาต้องเป็นนี้ๆๆๆนะ เค้าขอให้เราเรียนที่ชอบ ทำที่ชอบ ป๊าเหมือนไม่ยอมให้เรียนแบบวิชาการเลยด้วยนะ อะไรที่แบบนอกเหนือวิชาการ อยากเรียนมาบอกงี้ ก็มีเรียนรำ เรียนทำอาหาร เรียนขิม งี้ แล้วป๊าก็ชอบพูด Take it easy ใส่ตลอด ก็เลยไม่คิดมาก ไม่เครียด ไม่กดดัน ไม่กังวล

เรื่องเรียนพิเศษก็...
ป.4 จันทร์เรียน Speaking กับ Teacher (ป๊าอยากให้กล้าพูดภาษาอังกฤษ) พุธเรียนขิม (ขอป๊าเรียน อยากเรียน)
ป.5 จันทร์เรียน Speaking พุธเรียนขิม แล้วก็เริ่มขอเรียนภาษาอังกฤษแบบ Grammar (ไม่ใช่เพราะไรนะ เห็นเพื่อนได้กินไก่ KFC อยากกินมั่ง แถมตอนเรียนมีแจกปากกา Pentel ด้วย) เพราะตอนนั้นโง่อังกฤษจริง (ตอนนี้ก็ยังโง่อยู่ 555)
ป.6 พอมันต้องจริงจังเพื่อจะเข้าม.1 แล้วอะเนาะ ก็เลยเรียนโปรแกรมของรร. เป็นวันอาทิตย์วันเดียว 3 วิชา เช้าองกฤษ บ่ายวิทย์ เย็นคณิต จันทร์เรียน Speaking พุธเรียนขิม วันพฤหัสซ้ำอังกฤษอีก
ม.1 เทอม 1 อะไม่เรียนอะไรเลยยยยยยยย เทอม 2 เรียนวิทย์ วันจันทร์วันเดียว
ม.2 เรียนวิทย์วันพุธ
ม.3 เรียนวิทย์วันพุธ เรียนคณิตวันพฤหัส
ม.4 เรียนชีวะวันพุธ คณิตวันจันทร์ ฟิสิกส์วันพฤหัส
ม.5 เรียนชีวะวันจันทร์ คณิตวันพฤหัส ฟิสิกแบบเมื่อไหร่ก็ได้ เคมีแบบเมื่อไหร่ก็ได้
ม.6 เรียนชีวะวันศุกร์ คณิตวันพฤหัส เรียนโครงการล่วงหน้าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ชีวะ+เคมี)
แล้วก็มีที่เรียนแต่จำไม่ได้ว่าเริ่มตอนไหนอีก ก็มีเรียนรำไทย(ไปแสดงด้วยตอนนั้น (โคตรงง))
ปล.ก็ประมาณๆนี้นะ มีอีกแหละบางชั้นที่มีมากกว่านั้นแต่จำไม่ได้ว่าชั้นไหน

เรื่องการวางตารางก็สำคัญนะ เราอะอยากทำได้แบบป๊าที่วางตารางทุกวันทุกชั่วโมงได้เลยว่าทำอะไรๆ เราทำได้สูงสุดแค่วันนี้จะอ่านวิชาอะไร แต่ไม่ว่าตารางจะดีแค่ไหนนะ ไม่ทำคือจบ ฉะนั้นวางแผนอะไรแล้วทำด้วยนะจ๊ะ

เรื่องการอ่านหนังสือ เวลาหรือวิธีอ่านหนังสือที่ดีที่สุดเราไม่รู้นะ เรารู้แต่ว่าการอ่านที่ดีที่สุด ต้อง"อ่านอย่างมีคุณภาพ" ไม่ใช่อ่านเอาปริมาณ ถ้าอ่านแบบทุกวัน 10 กว่าชั่วโมง แต่ไม่เข้าใจก็คือจบเห่ แต่ถ้า"อ่านอย่างเข้าใจ" ไม่ว่ามันจะกี่ชั่วโมงมันดีหมด เพราะ"เข้าใจ" 

สังเกตุมั้ยว่าคนเก่งมักเป็นคนมีวินัย คนที่เราว่าเก่งจัง เกรด 4 ตลอด มีงานส่ง เค้าคือคนแบ่งเวลาเป็น และทำตามตารางที่แบ่ง เค้าจึงเป็นคนมีวินัยที่ดี ทำอะไรก็ค่อนข้างราบรื่น ฉะนั้นการเริ่มชีวิตที่ดีก็ต้องเริ่มจากวินัยที่ดี (แต่แน่นอนว่าชีวิตที่ดีไม่ได้เริ่มจากแค่วินัยนะ! ทุกคนรู้อยู่ละหละว่าทำอะไรดี ไม่ไดี เราไม่พูดเยอะละกันนะ)

เรื่องการเรียนก็เหมือนการสร้างพีระมิด ถ้ารากฐานไม่มั่นคง ไม่แน่น ยอดก็จะร่วง พีระมิดก็ไม่เป็นพีระมิด ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าเราจะช้ากว่าเพื่อน ช้ากว่าแต่มั้นคงกว่า ดีกว่าแน่นอน

อย่ายึดติดกับว่า โอ๊ยจบไม่พร้อมเพื่อน เรียนจบช้ากว่าเร็วกว่าไม่ได้การันตีความสำเร็จในภายพากหน้าของคุณได้ อย่าอายที่จะซิ่ว อย่าอายที่ต้องเรียนกับรุ่นน้องรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่มีใครแก่เกินเรียน

อย่ายึดติดกับชื่อมหาลัย หยุดเถอะคำว่า "คณะอะไรก็ได้ในมหาลัย..." หาตัวเองให้เจอ ทำอะไรที่มีความสุข มันจะทำออกมาได้ดี แล้วพองานมันดีเงินก็ดีตาม

ไม่รู้จะเรียนอะไร งั้นลองเข้าไปในมหาลัยนึงแล้วดูว่าเค้ามีคณะอะไร แล้วลองตัดช้อยดูว่าเราไม่เอาอะไร แล้วพอมาดูที่เหลือ ดูว่าคณะนี้จบไปทำอะไรได้ ศึกษาไปถึงแก่น ถ้าสมมติมหาลัยนี้ไม่มีที่ชอบเลย อะไปดูมหาลัยใหม่ หาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ สู้ๆ

พ่อแม่ไม่ยอมให้เรียนคณะนี้ๆๆ คุณก็ต้องหาเหตุผลไปสู้ หาตัวอย่างคนประสบความสำเร็จไปสู้กับพ่อแม่ ว่าเค้าทำได้ หนู/ผมอยากทำได้ หนู/ผมต้องทำให้ได้ หนู/ผมจะสู้

อย่ามองอาชีพที่คุณอยากเป็นแค่มุมมองของคนภายนอก ถ้ามีโอกาสกันอยากให้ไปถามจากเจ้าของอาชีพว่าเค้าว่ามันมีข้อดีข้อเสียยังไง ชีวิตเค้าต้องเจออะไรบ้าง มีความสุขมั้ย เพราะอย่างเราอะอยากเป็นสัตวแพทย์ อะ...อาจจะดูแบบเฮ้ย! ได้เล่น ได้เจอสัตว์ตลอด น่าสนุก แต่ลองมองอีกมุมนะ สัตว์ที่เค้ามาหาเราอะ เค้าป่วยนะ เค้าไมโอเคนะ เค้าไม่สบายนะ อาจจะมาสภาพเลือดตกยางออก ขาขาด ปากหาย อาจจะมาตายที่มือเราก็ได้นะ เงี้ยเป็นต้น (ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นสัตวแพทย์เหมือนเดิมไม่ต้องห่วง ทำใจแล้ว และอยากเป็นสุดขีด) ฉะนั้นศึกษากันดีๆ อาจจะไม่อยากเป็นในตอนหลังก็ได้

อย่างลืมความ Balance ล่ะ มีเวลาเรียนด้วย มีเวลาเล่นด้วย พัฒนาสมองทั้ง 2 ด้าน พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ชีวิตให้มีความสุข

ยืนให้ได้ด้วยลำแข้งตัวเองนะทุกคน วันนั้น วันที่หาเงินใช้เองได้ คุณจะเป็นอิสระ ทำอะไรก็ได้(เอาให้ถูกกฎหมายล่ะ) ไปไหนก็ได้(ไปดีมาดีนะ) สู้ๆนะทุกคน 💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗

cr pic : https://futurefood.network/

2 comments:

  1. โห เรียนเยอะมากๆเลยค่ะ ตอนประถมกะม.ต้นนี่ยังนินดูการ์ตูนอยู่บ้านอยู่เลย;-;

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณค่ะ 555 แต่นี่ว่าเยอะแล้ว เด็กสมัยใหม่เก่งกันได้ตั้งแต่แค่ 2 3 ขวบ เราเห็นเองละยังตกใจเหมือนกัน คิดในหัว ต้องให้ลุกเรียนอะไร??? 555

      Delete